Skip to main content

ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
ของ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด

คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) นี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด (“บริษัท”) เช่น การใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ การค้ำประกัน และการใช้บริการอื่น ๆ กับบริษัท การลงทะเบียนสมัครใช้บริการแอปพลิเคชัน การใช้บริการหรือซื้อสินค้า การเข้าถึงและใช้เนื้อหา ฟีเจอร์ เทคโนโลยี หรือฟังก์ชันที่ปรากฏในเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชันกับบริษัท (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “กิจกรรมการประมวลผล”) ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทดำเนินการในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่านเพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้

ทั้งนี้ บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้

❒ ความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาต่าง ๆ ที่ได้ทำกับบริษัท เช่น สัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่า สัญญาค้ำประกัน สัญญาสินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งหากไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้

❒ ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น เพื่อการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม การนำส่งและการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากร การนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต เป็นต้น

❒ ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้แก่การประมวลผลเพื่อประกอบการพิสูจน์ตัวตน ยืนยันตัวตน การป้องกันการทุจริตฉ้อฉล การตรวจสอบและการควบคุมภายในของบริษัท การวิเคราะห์และพิจารณาสินเชื่อ การติดตามภายหลังการให้สินเชื่อ การต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย ประกันชีวิต การชำระภาษีค่าธรรมเนียมรถที่เช่าซื้อ เป็นต้น

❒ ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การให้ความยินยอมในการรับข้อมูลข่าวสารการตลาด การทำการตลาดแบบตรง การทำนิติกรรมสัญญาของคู่สมรส การให้ความยินยอมให้ข้อมูลเครดิต การให้ความยินยอมบันทึกเสียงเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงบริการ ความยินยอมในการเข้าชมเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชันกับบริษัท

2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามความจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล ในการดำเนินการวิเคราะห์สินเชื่อ ด้านการให้สินเชื่อ ในการประกันภัยทรัพย์ที่เช่าซื้อ การประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อ การแจ้งกรมการขนส่งเกี่ยวกับทะเบียนรถที่เช่าซื้อ การให้บริการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูล การตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการหรือให้บริการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการงานด้านต่าง ๆ และเพื่อการติดต่อท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้ให้ไว้

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมและใช้

เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังรายการต่อไปนี้

3.1 แหล่งข้อมูลและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม มีดังนี้

แหล่ง/วิธีการเก็บรวบรวม

เก็บข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง ทั้งการให้ด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร ทั้งการให้ผ่านการกรอกแบบคำขอ แบบฟอร์มคำขอสินเชื่อ ทั้งแบบกระดาษและผ่านแอปพลิเคชัน หรือทาง Online หรือจากข้อมูลอุปกรณ์การใช้งาน และวิธีการใช้งานต่าง ๆ

เก็บข้อมูลภาพและหรือเสียงจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และ/หรือ การบันทึกเสียงการให้บริการผ่าน Call Center หรือการติดตามทวงถามหนี้

รายการข้อมูลส่วนบุคคล

1.ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประชาชน เพศ วันเกิด อายุ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล

หรือ รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน (ถ้ามี)

2.ข้อมูลการทำงาน การศึกษา และหนังสือรับรองการทำงานในปัจจุบัน โดยระบุชื่อสถานที่ทำงาน, ตำแหน่งงาน

3.ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้, ค่าใช้จ่าย, ข้อมูลเครดิต

4.ข้อมูลอื่น ๆ ที่แสดงความประสงค์ในการขอสินเชื่อและหรือใช้พิจารณาสินเชื่อ และหรือทำสัญญาต่าง ๆ

5.ข้อมูลชีวภาพ (Biometric Data) เช่น การจดจำใบหน้า Face Recognition

1.ข้อมูลระบุภาพ

2.ข้อมูลเสียง

เก็บข้อมูลภาพและหรือเสียงจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และ/หรือ การบันทึกเสียงการให้บริการผ่าน Call Center หรือการติดตามทวงถามหนี้

1.ข้อมูลระบุภาพ

2.ข้อมูลเสียง

3.2 จุดประสงค์การใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล

จุดประสงค์ในการใช้ข้อมูล

เพื่อวิเคราะห์และพิจารณาสินเชื่อ

เพื่อทำนิติกรรมสัญญา หรือการให้บริการ เช่น สัญญาการให้สินเชื่อ สัญญาเช่าซื้อ สัญญาค้ำประกัน ใบรับมอบส่งมอบรถ และการทำหนังสือแจ้งต่าง ๆ ตามสัญญาและหรือตามกฎหมาย

เพื่อป้องกันเหตุทุจริตและการรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย รวมถึง เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงบริการ

เพื่อพัฒนาบริการ ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ และให้บริการที่เกี่ยวข้อง และเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพของการบริการ ตลอดจนเพื่อประโยชน์ทางการตลาด เช่น การแนะนำสินค้าและบริการ ฯลฯ

เพื่อยืนยันตัวตนเปรียบเทียบกับภาพในบัตรประจำตัวประชาชน

รายการข้อมูลส่วนบุคคล

1.ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประจำตัวประชาชน เพศ วันเกิด อายุ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือ รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน

2.ข้อมูลการทำงาน การศึกษา และหนังสือรับรองการทำงานในปัจจุบัน โดยระบุชื่อสถานที่ทำงาน, ตำแหน่งงาน

3.ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้, ค่าใช้จ่าย, ข้อมูลเครดิตบูโร

4.ข้อมูลอื่น ๆ ที่แสดงความประสงค์ในการขอสินเชื่อและหรือใช้พิจารณาสินเชื่อ และหรือทำสัญญาต่าง ๆ

1.ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล

2.ข้อมูลอื่น ๆ ที่แสดงความประสงค์ในการขอสินเชื่อและหรือใช้พิจารณาสินเชื่อ และหรือทำสัญญาต่าง ๆ

1.ข้อมูลภาพและหรือเสียงจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่สำนักงานใหญ่ สาขา

2.การบันทึกเสียงการให้บริการผ่าน Call Center

3.การบันทึกเสียงการเจรจาทวงถามหนี้

ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประจำตัวประชาชน เพศ วันเกิด อายุ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล

รูปภาพใบหน้าในบัตรประชาชน เพื่อการจดจำใบหน้า Face Recognition

เพื่อทำนิติกรรมสัญญา หรือการให้บริการ เช่น สัญญาการให้สินเชื่อ สัญญาเช่าซื้อ สัญญาค้ำประกัน ใบรับมอบส่งมอบรถ และการทำหนังสือแจ้งต่าง ๆ ตามสัญญาและหรือตามกฎหมาย

1.ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล

2.ข้อมูลอื่น ๆ ที่แสดงความประสงค์ในการขอสินเชื่อและหรือใช้พิจารณาสินเชื่อ และหรือทำสัญญาต่าง ๆ

เพื่อป้องกันเหตุทุจริตและการรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย รวมถึง เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงบริการ

1.ข้อมูลภาพและหรือเสียงจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่สำนักงานใหญ่ สาขา

2.การบันทึกเสียงการให้บริการผ่าน Call Center

3.การบันทึกเสียงการเจรจาทวงถามหนี้

เพื่อพัฒนาบริการ ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ และให้บริการที่เกี่ยวข้อง และเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพของการบริการ ตลอดจนเพื่อประโยชน์ทางการตลาด เช่น การแนะนำสินค้าและบริการ ฯลฯ

ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประจำตัวประชาชน เพศ วันเกิด อายุ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล

เพื่อยืนยันตัวตนเปรียบเทียบกับภาพในบัตรประจำตัวประชาชน

รูปภาพใบหน้าในบัตรประชาชน เพื่อการจดจำใบหน้า Face Recognition

4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลหรือนิติบุคคลมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายดังต่อไปนี้ เพียงเท่าที่จำเป็นแก่กรณี

4.1.1 บริษัทประกันภัย ประกันชีวิตที่เพื่อป้องกันรถหาย คุ้มครองทรัพย์สิน คุ้มครองวงเงินสินเชื่อ รวมถึงตัวแทนนายหน้าประกันภัยประกันชีวิต

4.1.2 ผู้รับจ้างติดตามทวงถามหนี้หรือติดตามยึดรถที่เช่าซื้อ ทนายความ กรณีมีการผิดนัดผิด สัญญาเช่าซื้อ

4.1.3 ผู้ให้บริการเกี่ยวกับ การจัดส่งเอกสาร การเก็บ/ฝากเอกสาร

4.1.4 ผู้ให้บริการเกี่ยวกับงานทะเบียนรถ เช่น การจดทะเบียน ชำระภาษี ขอต่อทะเบียนรถ

4.2 ไม่มี การเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อสาธารณะ

5. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ลูกค้าสามารถใช้สิทธิภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

5.1 สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.3 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้

5.3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

5.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

5.3.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

5.3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่ บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของบริษัท)

5.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลาย ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นสำหรับใช้เพื่อให้นิติกรรม หรือนิติสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างเจ้าของข้อมูลและบริษัท ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลยังคงใช้บริการหรือมีธุรกรรมกับบริษัท หรือ ยังมีภาระหนี้ผูกพันกับบริษัทอยู่ ไม่สามารถทำการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลได้

5.6 สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลต่าง ๆ ตามหนังสือฉบับนี้ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้ เว้นแต่สภาพทางเทคนิคจะไม่สามารถทำได้ หรือประเภทของข้อมูลจะส่งผลเสียต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น

5.7 สิทธิในการร้องเรียน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการเป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในระหว่างที่เป็นลูกค้าของบริษัทและเมื่อสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท เช่น ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธการให้สินเชื่อ บริษัทจะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากท่านภายใน 1 ปี นับแต่ได้มีการแจ้งปฏิเสธการให้สินเชื่อครั้งนั้น ในกรณีที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อและหรือใช้บริการกับบริษัท บริษัทจะเก็บข้อมูลจนกว่าจะมีการปิดบัญชี และหลังจากที่ปิดบัญชีที่มีอยู่กับบริษัทหรือนับแต่การทำธุรกรรมกับบริษัทบริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามอายุความสูงสุดที่กฎหมายกำหนด หรือระยะเวลาการเก็บตามกฎหมายเกี่ยวกับการบัญชีและหรือกฎหมายภาษีอากรกำหนด

สำหรับข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่สำนักงานใหญ่ สาขา และ/หรือ การบันทึกเสียงการให้บริการผ่าน Call Center และ/หรือการบันทึกสนทนาการติดตามหนี้ จะลบทำลายเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนได้ภายในเดือน เมื่อบริษัทหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

8. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยส่งคำร้องขอผ่าน MBK Contact Center: (66) 2832-2555 หรือ E-mail: [email protected]

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิของทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย

ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ตามกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวตนได้

9. การใช้คุกกี้

บริษัทอาจเก็บรวบรวม การใช้คุกกี้ และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการของบริษัท รวมถึงการใช้เว็บไซต์การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชัน ของบริษัท การเก็บรวมรวมคุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันดังกล่าวจะช่วยให้สามารถจดจำความชื่นชอบของลูกค้า ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

10. ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยบริษัท จะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

11. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ บริษัทอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ทราบผ่านเว็บไซต์ของบริษัท อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้โปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท

อนึ่ง การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดหยุดการใช้งานหากไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากยังคงใช้งานต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

12. การติดต่อสอบถาม

ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่

12.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด
เลขที่ 444 ชั้น 8 อาคาร เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 หรือติดต่อ MBK Contact Center: (66) 2832-2555

12.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
นางสาวนุชนาถ แก้วน่วม
เลขที่ 59/5 ชั้น 3 อาคาร พาราไดซ์ เพลส แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250
ช่องทางการติดต่อ: (66) 2832-2555
E-mail: [email protected]

13. การแจ้งสิทธิในการยื่นคำร้องทุกข์ต่อหน่วยงานกำกับดูแล

ในกรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัท ลูกจ้างหรือพนักงานของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแล ตามรายละเอียดดังนี้

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ: ชั้น 7 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210

14. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุค

ลูกค้าสามารถศึกษาเรียนรู้รายละเอียดในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว มาตรการในการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของข้อมูล และสิทธิต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ใน website ของบริษัท